
วิตามินบีรวมประกอบด้วย ไทอามีน (วิตามินบี-1), ไรโบเฟลวิน (วิตามินบี-2), ไนอาซีน (วิตามินบี-12), โฟลิคแอซิดและไพริด๊อคซีน (วิตามินบี-6) แต่ละชนิดของวิตามินบีที่กล่าวมาต่างก็มีความสำคัญต่อปัญหาทางโภชนาการทั้งสิ้น
ก. โรคขาดไทอามีน (วิตามินบี 1) Vitamin B1 Deficiency ทำให้เกิดโรคเหน็บชา โรคนี้ทำให้ระบบประสาทมีการอักเสบและเสื่อมลง ซึ่งทำให้เกิดอาการผิดปกติในการเคลื่อนไหว และชา เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย โดยเฉพาะขาจะอ่อนแรงกล้ามเนื้อจะค่อยๆ อ่อนกำลังลงอยู่ในภาวะกึ่งอัมพาต และบ่อยครั้งทำให้เกิดการสะสมน้ำอย่างผิดปกติในเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายประสาทที่ไปควบคุมการทำงานของหัวใจจะเสื่อมลง เป็นเหตุให้เกิดหัวใจวายและเสียชีวิตอย่างเฉียบบพลันได้
 
โรคขาดวิตามินบี 1
โรคเหน็บชาจะพบเป็นส่วนมากในคนที่รับประทานข้าวที่ขัดสีจนขาว แต่ผู้ที่รับประทานอาหารหลักประเภทแป้งที่ดัดแปลง หรือมีน้ำตาลมากก็จะเป็นโรคเหน็บชาได้ โรคนี้อาจพบในเด็กทารกโดยเฉพาะในเด็กที่มารดาก็กำลังเป็นโรคนี้อยู่ ถ้าพบว่าเป็นโรคเหน็บชาในระยะเริ่มแรก และถ้าได้รับการแก้ไขในเรื่องอาหารให้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้อาการหายไปอย่างรวดเร็วและเป็นปกติได้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้จนทำให้เส้นประสาทถูกทำลายและเสื่อมลงแล้ว แม้จะได้รับการรักษาก็ไม่อาจทำให้ความเสื่อมทางการเคลื่อนไหว อาการชาและการทำงานของหัวใจกลับเข้าสู่สภาพปกติได้
เวอร์นิค ซินโดรม (Wernicke’s Syndrome) ก็เป็นอีกโรคหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการขาดสารไทอามีน โรคนี้มักเกิดกับคนที่ดื่มสุราจัด อาการแสดงออกของโรคคือ การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ กล้ามเนื้อตาอ่อนกำลัง การทรงตัวไม่มั่นคง ระบบประสาทเสื่อมลง

ต้องแก้ไขในเรื่องอาหารให้ถูกต้อง สารไทอามีนจะอยู่ที่ส่วนนอกของเมล็ดข้าว ข้าวสาลีและธัญญาพืชอื่นๆ อาหารที่มีคุณค่าของไทอามีนสูงคือนมสด ไข่ บรูเออร์ยีสท์ ยีสท์สกัดเข้มข้นและม้อลท์สกัด นอกจากนี้ยังมีในผักสดและผลไม้สด อาหารที่มีคุณค่าของไทอามีนสูงที่สุดคือ ตับ
 
โรคขาดVitamin B2
ข. โรคขาดไรโบเฟลวิน Vitamin B2 Deficiencyการขาดวิตามินบี 2 จะทำให้เกิดความผิดปกติทางสายตา จะปวดตาเมื่อมีแสงจ้า น้ำตาไหลมาก ตาแดง อาการที่พบบ่อย คือผิวหนังที่มุมปากจะย่น ชื้นและแตก ลิ้นจะแดงน้ำหนักตัวลดลง ไม่ว่องไว การขาดวิตามินบี 2 มักจะควบคู่ไปกับการขาดวิตามินบี 1 จึงมักจะทำให้สับสนในอาการแสดงออก ดังนั้นเมื่อมีอาการแสดงออกของการขาดวิตามินบีชนิดหนึ่งก็ต้องพิจารณาถึงการขาดวิตามินอีกชนิดหนึ่งด้วย
 
อาหาที่มีวิตามินบี2
1. อาหารที่รับประทาน ควรประกอบด้วยอาหารดังต่อไปนี้อย่างเพียงพอคือ นม ไข่ และผักที่มีสีเขียว
2. ถ้ามีอาการมากควรไปปรึกษาแพทย์ แพทย์อาจสั่งให้รับประทานยาสกัดตับ หรือไรดบเฟลวินชนิดเม็ด และอื่นๆอีก
ค. โรคขาดไนอาซีน (โรคเพ็ลลากรา) Niacin Deficiency (Pellagra) อาการแสดงอย่างหนึ่งของโรคนี้คือ ผิวหนังจะมีลักษณะคล้ายถูกแดดเผาจัด ผิวจะแห้งแตกและตกสะเก็ด บางครั้งผิวจะพองมีน้ำใสภายในตำแหน่งที่เป็นมักจะเป็นบริเวณที่ไม่มีเสื้อผ้าปิดบัง เช่นบริเวณหลังมือ ข้อมือ ใบหน้า และลำคอ รองลงมาคือบริเวณขา และข้อเท้า บางครั้งอาจพบที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก บริเวณผิวหนังที่เป็นจะมีขอบเป็นรอยแยกจากผิวหนังที่ดีอย่างชัดเจน เช่นถ้าเกิดขึ้นที่บริเวณหลังมือและข้อมือ ก็จะเรียกว่ามี “ลักษณะถุงมือ” เป็นต้น เชื่อกันว่าผิวหนังที่ถูกแสงแดดก็จะทำให้เกิดเป็นแผลขึ้น
 
โรคขาดไนอาซีน
โรคเพ็ลลากรา มักมีอาการเบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย บ่อยครั้งจะมีอาการท้องเดิน ลิ้นจะเป็นมันและแดงจัด โรคนี้พบบ่อยในคนที่ติดสุราและในจำนวนนี้หนึ่งในห้าสิบ จะมีอาการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจอย่างรุนแรง อาการอื่นๆที่พบคืออ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ นอนไม่หลับ ประสาทสัมผัสผิดปกติ
โรคนี้ส่วนใหญ่รักษาให้หายได้โดยการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง แต่ผู้ที่เป็นโรคและไม่งดการดื่มสุราก็จะรักษาให้หายได้ยาก โรคเพ็ลลากราสามารถรักษาให้หายขาดได้ นอกเสียจากในรายที่มีอาการทางจิตเปลี่ยนไปมากแล้ว แม้กระนั้นก็ยังสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้บ้าง

1. ในระยะรุนแรงของโรค ควรนอนพักให้อาหารที่ประกอบด้วยนม ผักเคี่ยวเปื่อย น้ำมะเขือเทศ ไข่ต้มหรือไข่ทอดในน้ำ ซุบน้ำใสของยีสท์สกัด เหล่านี้จะช่วยได้
2. ถ้ามีอาการท้องเดิน ให้รับประทานยาธาตุน้ำ (bismuth subcarbonate) 1 ช้อนชาทุกๆ 3 หรือ 4 ชั่วโมง
3. เอาน้ำมันลาโนลินผสมกับกรดโบริค 5 เปอร์เซ็นต์ชนิดผง ใช้ทาผิวหนังบริเวณที่เป็นแผล
4. เมื่อระยะรุนแรงของโรคผ่านไปแล้วการรักษาที่สำคัญขั้นต่อไปก็คือ อาหารในแต่ละวันควรดื่มนมประมาณหนึ่งควอท (ประมาณหนึ่งลิตร) ไข่และผักสีเขียววันละมากๆ เนื้อที่จะรับประทานควรเป็นเนื้อแดง เนื้อที่ติดมันจะไม่ให้ประโยชน์นมที่ให้อาจเป็นนมสด นมผง นมกระป๋อง หรือหางนมที่เหลือจากทำเนย (Buttermilk) ก็ได้
อาหารซึ่งให้คุณค่าของไนอาซีนต่ำ ประกอบด้วยข้าวโพด ผลผลิตจากข้าวโพด กากน้ำตาล มันฝรั่ง หัวแครอท หัวผักกาดเหลือง ข้าว หัวหอม มันสัตว์ น้ำมันเมล็ดฝ้ายและวุ้น ผู้ที่รับประทานอาหารเหล่านี้เป็นอาหารหลัก มักจะพบว่าเป็นโรคเพ็ลลากรากันเสมอ
5. ไม่ควรดื่มสุราหรือของมึนเมา
6. เมื่อมีอาการรุนแรงควรไปปรึกษาแพทย์
ง. โรคขาดวิตามิน บี 12 Vitamin B12 Deficiency เมื่อใดที่เนื้อเยื่อของร่างกายไม่ได้รับวิตามินบี 12 อย่างเพียงพอ ก็จะทำให้เป็นโรคโลหิตจางชนิดร้าย (Pernicious Anemia) หรือ (Macrocytic Anemia) การขาดวิตามินบี 12 นี้ บ่อยครั้งพบว่าเกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่ไม่สามารถดูดซึมวิตามินชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเพียงพอ
 
โรคขาดวิตามิน บี 12
จ. โรคขาดโฟลิคแอซิด (โรคโลหิตจางในเด็กและหญิงมีครรภ์) Folic acid deficiency animia of infancy and of pregnancy โฟลิคแอซิดเป็นสารชนิดหนึ่งในกลุ่มของวิตามินบี ซึ่งมีความสำคัญและพบมากในผัก การหุมต้มจะทำให้สูญเสียคุณค่าของโฟลิคแอซิดไปได้
 
โรคขาดโฟลิคแอซิด (โรคโลหิตจางในเด็กและหญิงมีครรภ์)
การขาดวิตามินชนิดนี้ มักพบในหมู่คนที่ขาดแคลนอาหาร ทำให้เกิดโลหิตจางคล้ายกับการขาดวิตามินบี 12 แต่ภาวะโลหิตจางชนิดนี้จะพบมากในคนที่อยู่ในภาวะที่ร่างกายต้องการโฟลิคแอซิคสูง เช่นในเด็กและหญิงมีครรภ์
เด็กที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดนี้ จะอยู่ในวัยระหว่าง 5 ถึง 12 เดือน เป็นระยะที่ร่างกายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และพบในเด็กที่คลอดก่อนกำหนด ผู้ที่มีการติดเชื้อซ้ำๆ กันของระบบทางเดินอาหาร ก็อาจเป็นโรคนี้ได้ อาการและการแสดงออกของโรคอาจยากต่อการแยกออกจากผู้ป่วยที่เป็นโรคขาดวิตามินบี 12 จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแยกให้ออก เพราะการที่จะหายจากโรคนั้นจะขึ้นอยู่กับการได้รับสารโฟลิคแอซิด
หญิงมีครรภ์ที่เป็นโรคโลหิตจาง จะมีอยู่ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ที่อาการจะเกิดขึ้นในระยะสามเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เพราะในระยะนี้เด็กในครรภ์เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ร่างกายของแม่จำเป็นต้องได้รับโฟลิคแอซิดเพิ่มขึ้นด้วย
การรับประทานโฟลิคแอซิดชนิดเม็ด ตามจำนวนที่แพทย์สั่ง จะช่วยให้หายโรคได้เป็นส่วนใหญ่
ฉ. โรคขาดไพริด๊อคซีน (วิตามินบี 6) Pyridoxine (Vitamin B6) Deficiency ในทารกและเด็กเล็กที่ขาดวิตามินบี 6 มากจนมีอาการถึงขั้นชักนั้นต้องระมัดระวังอย่างมาก เด็กในกลุ่มนี้จะพบว่าได้รับนมหรืออาหารจำพวกข้าวที่ดัดแปลงอย่างมากมาย จนทำให้ขาดวิตามินชนิดนี้ในอาหาร
 
โรคขาดวิตามินบี 6

นี่คือกล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง เช่น แบนเนอร์ โปรโมชั่น บทความ แนะนำร้านค้า หรือ รายการสินค้าเด่น เป็นต้น โดยคุณสามารถแก้ไขหรือลบกล่องนี้ได้หากคุณต้องการ ซึ่งมีวิธีการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีการแก้ไขข้อความในกล่อง เข้าสู่โหมดตกแต่งร้าน > คลิกเลือกที่กล่องนี้ > เลือกเมนูข้อความ
เข้าสู่โหมดตกแต่งร้าน > คลิกเลือกที่กล่องนี้ > เลือกเมนูข้อความ

| หน้าที่เข้าชม | 116,519 ครั้ง | 
| ผู้ชมทั้งหมด | 84,024 ครั้ง | 
| เปิดร้าน | 26 ก.พ. 2558 | 
| ร้านค้าอัพเดท | 29 ต.ค. 2568 | 
